อาหารเสริมวิตามินซี

Vitamin C Supplement

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวิตามินซี

 

วิตามินซี (Vitamin C) หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกว่า กรดแอสคอร์ปิก (Ascorbic Acid) คือ วิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ ที่ร่างกายมนุษย์เราได้รับจากรับประทานอาหารภายนอก

 

ในผู้ที่มีความเครียดสูง วิตามินซีจะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีภาวะเครียด ทำให้ร่างกายต้องการวิตามินซีมากกว่าปกติ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการขาดวิตามินซีได้

 

อีกทั้งวิตามินซียังเป็นวิตามินที่ต้องการเพิ่มเป็นพิเศษในผู้สูงวัยและผู้ที่สูบบุหรี่ โดยในการสูบบุหรี่ 1 มวน ร่างกายจะสูญเสียวิตามินซีไป 25-100 มิลลิกรัมเลยทีเดียว

 

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวัน

 

คนทั่วไปต้องการได้รับวิตามินซีในปริมาณ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ในสตรีตั้งครรภ์ต้องการวิตามินซี 70-95 มิลลิกรัมต่อวัน และในผู้ที่มีความเครียดสูง ผู้สูงอายุและผู้ที่สูบบุหรี่ต้องการวิตามินซีมากกว่าคนทั่วไป

 

ประโยชน์ของวิตามินซี

 

วิตามินซีมีความสำคัญต่อทั้งสุขภาพและความงามจากภายใน

  • วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง ช่วยชะลอความแก่
  • มีหน้าที่สำคัญในการสร้างคอลลาเจนซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนัง กระดูก ฟัน หลอดเลือด และเหงือก
  • มีคุณสมบัติในการเป็นอาหารเสริมบำรุงผิวขาวและสุขภาพผิวพื้นฐานที่สำคัญในวงการความงาม
  • ช่วยลดรอยแผลเป็น รักษาแผลสดแผลไหม้ ให้ฟื้นฟูเซลล์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย ป้องกันไข้หวัด ป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายประเภท ลดปัญหาโรคภูมิแพ้ และลดอาการแพ้จากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำให้ระบบภูมิต้านทานในร่างกายทำงานดีขึ้น
  • ช่วยฟื้นฟูจากความเจ็บป่วย ไข้หวัด แผลหลังผ่าตัด ให้หายเร็วขึ้น
  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมัน ในเลือด
  • ลดปัญหาการอุดตันในเส้นเลือด หลอดเลือดดำ
  • ช่วยลดความดันโลหิต แก้ปัญหาโรคความดันสูง
  • ช่วยฟื้นฟูจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ช่วยบำรุงเซลล์ ช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันดียิ่งขึ้น ต่ออายุให้เซลล์
  • ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็ก (Iron)
  • ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก เป็นยาระบายแบบธรรมชาติ
  • ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งหลายชนิด ช่วยต่อต้านสารไนโตรซามีนซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง

 

โรคและอาการขาดวิตามินซี

 

การขาดวิตามินซีจะทำให้เป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ภูมิต้านทานน้อย ป่วยง่าย ผิวพรรณดำคล้ำเสียง่าย

 

แหล่งอาหารธรรมชาติที่พบวิตามินซี

 

พบได้ปริมาณมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ผลอะเซรอล่า มะเขือเทศ มันฝรั่ง ผักใบเขียว เป็นต้น

 

วิตามินในอาหารธรรมชาติจะสลายไปได้ง่ายเมื่อเจอกับการปรุงอาหาร ความร้อน แสงแดด ออกซิเจน และน้ำ ดังนั้นการรับประทานจากผักผลไม้สดจะทำให้ได้รับวิตามินซีได้ดีกว่าการนำไปปรุงอาหาร หรือผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรม

 

ประเภทอาหารเสริม

 

วิตามินซีขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารเสริมที่คนนิยมรับประทานกันมากที่สุดชนิดหนึ่งในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสารอาหารหลักของร่างกายที่ให้คุณสมบัติที่รอบด้าน และเป็นพื้นฐานของทั้งสุขภาพและความงาม

 

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมวิตามินซีมีจำหน่ายในหลายรูปแบบ ทั้งแบบเม็ดแป้งอัดแข็ง แคปซูล เม็ดชนิดแตกตัวช้า รูปแบบผงสำหรับชงดื่ม รูปแบบเคี้ยวกลืน ไปจนถึงลูกอมผสมน้ำตาลที่เอร็ดอร่อยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เรียกได้ว่าสามารถเลือกวิธีบริโภคกันได้แทบทุกวิธีของการรับประทานอาหารเสริมในปัจจุบัน

 

วิตามินซีชนิดสกัดจากธรรมชาติ หรือเรียกว่าวิตามินอินทรีย์ หรือ ออแกนิค (Organic) จะต่างกับวิตามินซีชนิดสังเคราะห์ทั่วไป หรือเรียกว่ากรดแอสคอร์บิกสังเคราะห์ ตรงที่ประสิทธิภาพในการดูดซึมนำไปใช้งานจะยากง่ายต่างกัน

 

วิตามินซีชนิดบริสุทธิ์ คือรูปแบบที่สกัดมาจากน้ำตาลเดกซ์โทรสในข้าวโพด

 

ส่วนใหญ่แล้วอาหารเสริมวิตามินซีชนิดแคปซูลจะมีปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม และชนิดผลสำหรับละลายน้ำชงดื่ม มักจะมีปริมาณประมาณ 5,000 มิลลิกรัมต่อช้อนชา

 

ในส่วนปริมาณที่มักจะแนะนำรับประทานคือ 500 – 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน ต่างกันไปแล้วแต่ชนิดและสูตรวิจัยของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแต่ละยี่ห้อ

 

วิตามินซีผลอะเซรอล่า เป็นวิตามินซีที่สกัดมาจากผลอะเซรอล่าเบอร์รี่ ซึ่งเป็นวิตามินซีธรรมชาติที่มีความเข้มข้นสูง

 

การรับประทานวิตามินซีเกินปริมาณ

 

การได้รับวิตามินซีในปริมาณสูง คือมากกว่า 10,000 กรัมต่อวัน อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วง เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น และหากทานปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องทำให้เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วจากกรดออกซาลิกและกรดยูริกได้ ในผู้ที่ทานเกินปริมาณต่อเนื่อง สามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ด้วยการดื่มน้ำเยอะๆ และรับประทานวิตามินบี 6 กับ แมกนีเซียม

 

เคล็ดลับเพิ่มเติม

 

  • หลักการบำรุงสุขภาพที่ดีคือการพยายามรักษาระดับวิตามินซีในเลือดให้พอเพียงอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องคำนึงถึงว่าหลังจากเรารับประทานอาหารเสริมหรืออาหารปกติแล้ว วิตามินซีจะอยู่ในร่างกายได้เพียงแค่ประมาณ 2-3 ชั่วโมงแล้วจึงถูกขับออกไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแบ่งการรับประทานวิตามินซีเป็นหลายๆช่วงของวัน เช่น เช้า กลางวัน เย็น เพื่อรักษาระดับของวิตามินซีให้เพียงพอตลอดทั้งวัน
  • ผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีมลภาวะทางอากาศสูง มีคาร์บอนมอนอกไซด์สูง เช่นในเขตเมือง รถเยอะ การจราจรติดขัด โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น คาร์บอนมอนอกไซด์จะเป็นตัวทำลายวิตามินซี จึงแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเหล่านี้รับประทานวิตามินซีเสริมเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดแคลน
  • ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินซีเสริม เนื่องจากร่างกายจะต้องการวิตามินซีมากขึ้น
  • การรับประทานวิตามินซีวันละ 500 มิลลิกรัมต่อเนื่อง จะสามารถลดความดันโลหิตในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และช่วยฟื้นฟูในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้
  • ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด แนะนำรับประทานวิตามินซีเสริมปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม โดยแบ่งเวลาทานเป็น 2 ช่วง เช่น เช้ากับเย็น โดยจะช่วนลดระดับฮิสตามีนในเลือดซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกไหลได้ถึง 40%
  • แนะนำรับประทานอาหารเสริมวิตามินซีร่วมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์ จะช่วยให้วิตามินซีทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • ในผู้ที่รับประทานวิตามินซีมากกว่า 750 มิลลิกรัมในทุกๆวัน แนะนำรับประทานแมกนีเซียมร่วมด้วย
  • ผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดลดไข้ต่างๆ ควรเสริมวิตามินซีเพิ่มเติม เนื่องจากยาแอสไพรินจะทำให้เกิดการขับวิตามินซีออกจากร่างกายเร็วกว่าปกติถึงสามเท่า
  • ในผู้ที่รับประทานโสมสกัด หากมีการทานวิตามินซีเสริม ควรเว้นระยะประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังทานวิตามินซีจึงรับประทานโสมสกัด เพื่อให้สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หมายเหตุ ข้อระวังในการรับประทานวิตามินซี

 

  • การได้รับวิตามินซีสูงอาจส่งผลกระทบต่อผลตรวจเลือดหรือการตรวจปัสสาวะได้ ดังนั้นควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ถูกต้อง ตัวอย่างเช่นอาจทำให้แพทย์ตรวจไม่พบเลือดในอุจจาระได้
  • ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่จะเข้ารับเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีรักษา ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเสริมเพราะอาจส่งผลให้ผลการตรวจร่างกายคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะการตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน การรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูงอาจจะทำให้ผลการตรวจน้ำตาลในปัสสาวะคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการตรวจ โดยแพทย์อาจสามารถปรับเปลี่ยนเครื่องมือและเทคนิคในการตรวจที่ไม่เกิดผลกระทบจากการทานวิตามินซีเสริมได้
  • ในกลุ่มยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด เช่น ยาในกลุ่มซัลฟา และ คลอร์โพรพาไมด์ – ไดอะบินิส ไม่ควรรับประทานร่วมกับวิตามินซี เนื่องจากอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงได้ หรือควรแบ่งเวลารับประทานคนละช่วงเวลากัน
  • ผู้ที่เป็นโรคทาลัสซีเมีย หรือ ฮีโมโครมาโตซิส ที่เป็นโรคพันธุกรรมที่ทำให้มีการสะสมเหล็กในร่างกายมาก ไม่ควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณสูง
  • ไม่ควรรับประทานอาหารเสริมวิตามินซีมากกว่า 10,000 กรัมต่อวัน ปริมาณที่เหมาะสมคือ 500 – 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน

รถเข็น

วิตามินวิลล่า

ชนิดอาหารเสริม

แบ่งตามเพศและวัย

แบ่งตามเพศและวัย

แบ่งตามปัญหาสุขภาพ

แบ่งตามสารอาหารหลัก

Share This