อาหารเสริมคอลลาเจน
Collagen Supplement
คอลลาเจน เปปไทด์
DHC Collagen Peptide
คอลลาเจนชนิดที่2
DHC Collagen Type 2
คอลลาเจนสีทอง
DHC Gold Collagen
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอลลาเจน
คอลลาเจน (Collagen) เป็นคำที่มีความหมายรากศัพท์ว่า กาว หรือยกย่องว่าเป็นถึง “กาวแห่งชีวิต” ซึ่งเป็นคำอธิบายที่ตรงกับหน้าที่การทำงานของมันอย่างชัดเจน เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่คล้ายกาวในการเชื่อมเนื้อเยื่อเซลล์และอวัยวะต่างๆในร่างกายเข้าด้วยกัน เช่นการเชื่อมเซลล์ผิวหนังเข้าด้วยกัน เป็นต้น
คอลลาเจนคือกรดอะมิโนโปรตีนที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกายชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของเซลล์ผม เล็บ ผิวหนัง กล้ามเนื้อ ข้อต่อ เส้นเอ็น กระดูก ดวงตา เหงือก และผนังหลอดเลือด เป็นต้น คอลลาเจนจึงมีความสำคัญทั้งในด้านสุขภาพและความงาม
คอลลาเจนหลักในร่างกายเรามีอยู่ 4 ชนิด เราควรเลือกพิจารณาเป้าหมายของเราว่าเราต้องการบำรุงด้านไหนแล้วจึงเลือกอาหารเสริมคอลลาเจนชนิดที่เหมาะสมกับความต้องการของเรา เช่น การบำรุงผิวพรรณควรเลือกชนิด 1,3,4 ส่วนการบำรุงข้อควรเลือกคอลลาเจนชนิดที่ 2 นั่นเอง
คุณสมบัติที่เป็นที่ขึ้นชื่อที่สุดของคอลลาเจนคือการช่วยกระชับผิวหนังให้เต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น ในจำนวนโปรตีนทั้งหมดในร่างกายของเราคือคอลลาเจนถึงหนึ่งในสามของโปรตีนทั้งหมดเลยทีเดียว
และโดยส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบในผิวชั้นหนังแท้ และในชั้นหนังแท้นี้เอง เซลล์ผิวชั้นนี้จะประกอบขึ้นมาจากคอลลาเจนถึงสามในสี่ส่วน ในวัยเด็กชั้นผิวหนังของเรามีคอลลาเจนที่สมบูรณ์ ผิวจึงมีความเต่งตึงยืดหยุ่นดังผิวทารกซึ่งไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่นใดๆแม้แต่น้อย แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนในผิวของเราเริ่มลดจำนวนลง ทำให้ผิวหนังแตกแห้ง ความยืดหยุ่นของผิวหายไป และทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นรอยตีนกาต่างๆตามมานั่นเอง
เมื่อเราอายุ 25-30 ปี อัตราการผลิตคอลลาเจนจะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่กล่าวว่าผู้หญิงมักจะแก่เร็วกว่าผู้ชาย ก็เกิดจากระดับคอลลาเจนในผิวของเราลดลงเร็วกว่านี่เอง โดยเมื่อเราอายุประมาณ 40 ปี คอลลาเจนในผิวของเราจะลดลงกว่าเดิมถึงเกือบประมาณหนึ่งในสามของคอลลาเจนในวัยเด็ก
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดกระบวนการนี้ได้ แต่เราสามารถชะลอได้ด้วยการเติมคอลลาเจนจากโภชนาการสารอาหารภายนอกร่างกายให้เข้าไปทำงานในส่วนที่ขาด
นอกจากในด้านความงาม คอลลาเจนยังเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการบำรุงสุขภาพ และเป็นสารอาหารที่นิยมมากที่สุดตัวหนึ่งในปัจจุบันในการช่วยบำรุงข้อเข่า ลดอาการเข่าเสื่อม สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเข่า ปวดข้อ หรือเป็นโรคข้อเสื่อมต่างๆ และยังนิยมรับประทานในนักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างหักโหม เพื่อลดผลกระทบต่อข้อต่อส่วนต่างๆในร่างกายอีกด้วย
ประโยชน์ของคอลลาเจน
- บำรุงผิว กระชับผิว ลดริ้วรอย ช่วยให้เซลล์ผิวเรียงตัวกันดี ช่วยผิวเนียนลื่นเต่งตึง มีน้ำมีนวล ชะลอวัยให้กับผิว เพื่อให้ผิวยืดหยุ่นได้ดีขึ้นเหมือนในวัยเยาว์
- ช่วยบำรุงเส้นผมงอกใหม่ให้เงางาม มีสุขภาพดี ป้องกันผมฟูผมแห้งเสีย เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญในการสร้างเซลล์ผมนั่นเอง
- ช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้น ลดปัญหาเล็บเปราะหักง่าย เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่ถูกนำไปใช้ในการสร้างเล็บ
- บำรึงข้อต่อ บำรุงกระดูกอ่อน ป้องกันโรคข้อเสื่อม เข่าเสื่อม
- เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และเมื่อมวลกล้ามเนื้อในร่างกายเราเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ร่างกายเราเผาผลาญได้ดีขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับหุ่นฟิตเฟิร์มขึ้นนั่นเอง
โรคและอาการขาดคอลลาเจน
- ผิวหนังเกิดริ้วรอย รอยตีนกา เหี่ยวย่นได้ง่าย ผิวดูแห้ง แก่ก่อนวัย ขาดความยืดหยุ่น
- เส้นผมแห้ง แตก หลุดร่วงง่าย
- เล็บแห้งเปราะ
- ปวดข้อเข่า เสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อต่อเสื่อมสภาพต่างๆ
แหล่งอาหารธรรมชาติที่พบคอลลาเจน
พบได้มากในปลาทะเล ไขมันหมู หมูสามชั้น
ประเภทอาหารเสริมคอลลาเจน
คอลลาเจนจะมีโครงสร้างโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่มากทำให้ไม่สามารถแทรกซึมเข้าทางผิวหนังเราโดยตรง แต่เราสามารถรับคอลลาเจนได้ด้วยการรับประทาน โดยส่วนมากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมักสกัดมาจากปลาทะเลเพราะคอลลาเจนจากปลาทะเลมีโครงสร้างทางโมเลกุลที่ใกล้เคียงกับคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ดีที่สุด
เนื่องจากคอลลาเจนมีถึง 29 ชนิด โดยในร่างกายของเราแล้วมีตัวหลักอยู่ 4 ชนิด การรับประทานคอลลาเจนเสริม เราควรพิจารณาจากจุดประสงค์ว่าเราต้องการคอลลาเจนเพื่อบำรุงด้านใดเป็นหลัก เช่น การบำรุงผิวควรรับประทานคอลลาเจนชนิดที่หนึ่ง สามและสี่ ส่วนการบำรุงข้อต่อควรรับประทานคอลลาเจนชนิดที่สอง เป็นต้น
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- ในผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งเสีย แนะนำรับประทานคอลลาเจนร่วมกับวิตามินอี เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิว เพื่อลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หากเรารับประทานคอลลาเจนร่วมกับวิตามินซี วิตามินอี วิตามินเอ เบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนได้ดีขึ้น
- ส่วนใหญ่การรับประทานคอลลาเจนให้เห็นผล ควรรับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 1-2 เดือน
- เวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานคอลลาเจนสกัดคือช่วงก่อนนอนหลับ เนื่องจากหลังจากที่เราหลับแล้ว ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) เข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปหล่อเลี้ยงและซ่อมแซมอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย ในช่วงเวลานี้ถ้าเราได้มีคอลลาเจนที่เพียงพอ ร่างกายก็จะสามารถนำไปใช้ในการผลิตโปรตีนที่ใช้ซ่อมแซมเซลล์ผิวหนัง และเซลล์อื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คอลลาเจนในบริเวณผิวหนังทำหน้าที่ร่วมกับอีลาสติน (Elastin) และไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acids) ในการสร้างความเต่งตึงเรียบเนียนกระชับ และย้อนวัยให้กับผิวหนัง จึงนิยมรับประทานร่วมกันเพื่อบำรุงผิว โดยมักจะทำงานร่วมกันในหน้าที่หลักดังนี้
- คอลลาเจน ทำหน้าที่กระชับผิวให้เต่งตึง
- อีลาสติน ทำหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิว
- ไฮยาลูรอน ทำหน้าที่สร้างความชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งเสีย
- ปัจจัยที่ทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนไปอย่างรวดเร็วที่สำคัญได้แก่
- การสูบบุหรี่และดื่มเหล้า
- รังสียูวีจากแสงแดดในปริมาณมากเกินไป
- ฮอร์โมนที่แปรปรวน
- สารอนุมูลอิสระ
- การรับสารเคมีและมลภาวะสะสม
- ผู้ที่มีความเครียดความกังวลสูง
ผู้ใดควรรับประทานคอลลาเจนเสริม
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย รอยตีนกา ผิวพรรณเริ่มเหี่ยวย่น ไม่กระชับ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยมากกว่า 25-30 ปีเป็นต้นไป อัตราการผลิตคอลลาเจนจะลดน้อยลง ทำให้ผิวพรรณเริ่มหย่อนคล้อยได้อย่างรวดเร็ว
- ผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผม มีปัญหาเส้นผมงอกใหม่ไม่แข็งแรง หลุดร่วงได้ง่าย เส้นผมดูแห้งกรอบ สุขภาพไม่ดี เป็นต้น
- ผู้ที่ต้องการบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้น หรือผู้ที่มีปัญหาเล็บเปราะหัก ฉีดขาดง่าย
- ผู้ที่ต้องการบำรุงข้อต่อ มีปัญหาปวดข้อ ข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม
- ผู้ที่มีอาการปวดเมื่อย เส้นเอ็นแข็ง
- นักกีฬาที่ออกกำลังกายอย่างรุนแรง
- ผู้ที่ต้องการกระชับหุ่นและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
หมายเหตุ
- ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคอลลาเจน
- ไม่ควรรับประทานคอลลาเจนชนิดที่สองพร้อมกันกับคอลลาเจนชนิดที่หนึ่งและสาม เนื่องจากโครงสร้างของกรดอะมิโนแตกต่างกัน แต่เมื่อรับประทานร่วมกันจำจับตัวกันและทำให้เกิดโครงสร้างกรดอะมิโนใหม่ที่ไม่ได้ทำงานในคุณสมบัติของคอลลาเจนอีกต่อไป
- และไม่ควรรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจนพร้อมกับอาหารประเภทโปรตีนชนิดอื่นๆ เนื่องจากในเหตุผลเดียวกัน คืออาจจะจับตัวกันแล้วทำให้โครงสร้างโมเลกุลเปลี่ยนแปลงไปได้